เห็ดหลินจือ กับสารสกัดที่ล่ำลือรักษาโรคตับได้จริงหรือ

เห็ดหลินจือ สมุนไพรที่เป็นที่ลำลือไปไกลทั่วทุกพื้นที่ของโลก ด้วยคุณสมบัติเด่นคือช่วยรักษาโรคต่างๆได้มากกว่า100 โรค จึงทำให้เห็ดหลินจือเป็นที่นิยมในคนหมู่มากขึ้นทุกวัก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ต้องรู้จักเห็ดหลินจือ หลายคนอาจเคยใช้เห็ดหลินจือรักษาโรคแล้วได้ผลจริงๆ แต่ปัจจุบันก็มีการคิดค้นหาคำตอบจากเห็ดหลินจือแบบไม่หยุดยั้ง ซึ่งอีกหนึ่งโรคที่มีคำตอบคือ โรคตับ เรามาดูว่าจริงๆแล้วเห็ดหลินจือสามารถรักษาโรคตับได้หรือไม่
เห็ดหลินจือสามารถบำรุงตับได้ดังนี้
เห็ดหลินจือจะบำรุงตับให้ระบบการทำงานสามารถทำงานได้ดีขึ้น ช่วยกระตุ้นการเกิดเซลล์ใหม่ ช่วยฟื้นฟูให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพราะในเห็ดหลินจือมีสารแอนติออกซิเดนซ์ สามารถขจัดสารอนุมูลอิสระ ช่วยรักษาโรคตับได้ จากการวิจัยที่ได้รับการรับรองและได้รับมาตรฐาน ทำให้พบว่าเห็ดหลินจือมีตัวยาสำคัญที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก เห็ดหลินจือมีสรรพคุณทางยา ช่วยบำรุงตับให้แข็งแรงช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคตับได้ง่าย ซึ่งสารสำคัญที่ช่วยบำรุงตับมีดังนี้
1.สารกลุ่ม Pol ysaccharide สารตัวนี้จะเข้าไปกระตุ้นให้ตับสามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญจะช่วยยับยั้งสารพิษที่เข้ามาในร่างกาย ไม่ให้เข้ามาทำลายตับได้ด้วย
2.สารกลุ่ม ไตรเทอร์ปินอยด์(Triterpenoid) สารตัวนี้จะช่วยปกป้อง บำรุง และรักษาตับให้แข็งแรงอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมให้ตับสามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้นด้วย
3.กรดกาโนเดอริก และ กรดลูซิเดนิก เป็นสารที่มีคุณสมบัติช่วยเสริมการทำงานของเม็ดเลือดขาวให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพขึ้น ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งตับ ช่วยต้านสารพิษต่างๆที่เข้ามาในร่างกาย ช่วยรักษาโรคตับอีกเสบบี
4.สารกลุ่ม Germanium สารตัวนี้จะช่วยรักษามะเร็งตับ
ผลข้างเคียงจากการใช้เห็ดหลินจือรักษาโรคตับ
ช่วงแรกที่ตับได้รับสารจากเห็ดหลินจือจะทำให้ร่างกายได้รับผลข้างเคียง เพราะปกติจะมีการตรวจพบน่าเอนไซม์ตับที่สูงกว่าปกติ จึงอาจส่งผลข้างเคียงทำให้ท้องโตเล็กน้อย แต่อาการท้องโตนี้ไม่ก่อให้เกิดอันตรายกับอวัยวะภายในแน่นอน และไม่ทำให้เกิดอาการแน่นท้องด้วย แต่อาการจะค่อยลดลงไปเรื่อยๆตามระยะเวลา เนื่องจากเป็นการล้างสารพิษภายในและหลังจากนั้นผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นจนรู้สึกได้ว่าร่างกายแข็งแรงขึ้น ไม่รู้สึกเหนื่อยและเพลียแต่อย่างใด
นอกจากการเห็ดหลินจือแล้ว ท่านยังต้องทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ และออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้สุขภาพของท่านสมบรูณ์แข็งแรงมากที่สุด